หลังจากถูกเพื่อนรักทั้งลากทั้งจูง ทั้งผลักทั้ังดันให้จัดการอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ไม่นานนัก หล่อนก็มานั่งหน้าตูมอยู่บนรถเพื่อน
"นี่จะพาชั้นไปไหนเนี่ย ชั้นง่วง อยากกลับไปนอน ไม่อยากไปไหนทั้งนั้นอ่ะ"
"อย่ามาเยอะ.." นารินหัวเราะ ขณะขับรถลัดเลาะออกจากซอยแคบที่อพาร์ทเม้นท์ของหล่อนตั้งอยู่ออกถนนใหญ่ "..แกนอนมาตั้งกี่ชั่วโมงแล้ว ดูสิ นอนมากจนตาบวมตุ่ยขนาดนี้ จะเอาแรงที่ไหนไปง่วงอีก"
นิรชากระถดตัวลงต่ำอยู่บนที่นั่งข้างคนขับนั่นเอง แสงแดดภายนอกมันแยงตาซะจนหล่อนอยากพลิกลูกกะตากลับไปอีกด้าน
"คืองี้....เพื่อนชั้นน่ะเค้าเพิ่งกลับจากลาวมา แล้วก็เพิ่งจะมาเปิดร้านกาแฟอยู่แถวนี้เอง พรุ่งนี้เปิดวันแรกวันนี้เจ้าของร้านเค้าก็เลยจะเลี้ยงฉลองเปิดร้านกันนิดหน่อยในหมู่เพื่อนฝูง มันนิสัยดีอยู่ เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับชั้นตอนสมัยมัธยมแต่ครอบครัวย้ายไปอยู่ทางใต้ซะนาน เดี๋ยวชั้นจะพาแกไปรู้จักมันละกัน อีกหน่อยเวลาชั้นไม่อยู่จะได้คบหาสมาคมกันได้ บ้านอยู่ใกล้ๆ กัน"
"ชั้นไม่อยู่ในอารมณ์อยากมีเพื่อนเพิ่ม" นิรชาอุบอิบ
"เอ๊ะยัยนี่..." นารินหัวเราะ ".. เพื่อนชั้นคนนี้น่ะ มันเป็นคนดีน่าคบน่าเว้ย ถ้าแกได้รู้จักมันแกจะชอบ"
ไม่เห็นจะอยากรู้จัก นิรชาถอนหายใจแรงๆ "ฮิตกันจังนะ ไอ้ร้านกาแฟเนี่ย อยู่บ้านก็ชงกินเองได้ กาแฟทรีอินวันมีตั้งเยอะแยะถมถืดไป...บางเจ้าขายแก้วละแปดสิบเก้าสิบบาท ยังสู้สูตรแป๊ะทงหน้าปากซอยแถวบ้านชั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ" นิรชาเบ้ปาก จริง ๆ หล่อนก็พูดถูก เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหน ก็มีแต่ร้านกาแฟหลากหลายแนวแทรกซึมอยู่ถ้วนทั่วทุกหัวระแหง ทำยังกะว่าชีวิตคนเราสมัยนี้ต้องขับเคลื่อนกันด้วยคาเฟอีนยังไงยังงั้น
"ใช่ซี๊ ใครจะปากตะเข้ ลิ้นตะเข้เหมือนหล่อนล่ะยะ อะไรๆ ก็แหล่กได้หมด เลิกประชดตัวเองซะทีเหอะว่ะนิชา ดูตัวเองในกระจกมั่งว่าตอนนี้อืดไปถึงไหนละ"
ร้านกาแฟที่นารินขับรถเข้ามาจอดนั้น ด้านหน้าเป็นเพียงหนึ่งในห้องแถวหลายคูหาที่ดูเหมือนจะเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ และหากมันเป็นเพียงห้องแถวเล็ก ๆ ที่มีการตกแต่งร้านแนว ๆ ดาษดื่นตามสมัยนิยมแบบร้านกาแฟทั่ว ๆ ไป นิรชาก็คงจะไม่ประหลาดใจหรอก แต่ภาพที่นิรชาเห็นเมื่อลงจากรถ ก็ทำเอาหล่อนถึงกับอึ้ง
"นี่ร้านกาแฟแน่เหรอ.." นิรชาหันไปถามนารินซึ่งกำลังกดปุ่มรีโมทล็อกรถ
"ก็เออสิ ทำไม..มันดูหน้าตาไม่เหมือนร้านกาแฟรึไง.." นารินหัวเราะ
นิรชานึกหาคำมาตอบไม่ถูก..ใช่..หล่อนได้กลิ่นอายของร้านกาแฟมาจากร้านเล็ก ๆ แห่งนี้ก็จริง แต่การตกแต่งหน้าร้านและบริเวณทางเข้านี่สิ ที่ทำเอาหล่อนถึงกับอึ้ง
บริเวณด้านหน้าของร้านกาแฟห้องเดียวนั้นถูกกรุด้วยหินกาบที่มีลักษณะลักษณะดิบ ๆ สดชื่นด้วยเถาไม้เลื้อยดอกสีเหลืองซึ่งหล่อนก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไม้เลื้อยพันธุ์ไหนจนเกือบเต็มผนัง คงมีแต่งช่องหน้าต่างกระจกบานโตใสแหน็วที่เผยให้เห็นบรรยากาศอลวลวุ่นวายกับประตูทางเข้าเล็กๆ สีน้ำเงินนั่นเท่านั้นกระมัง ที่บ่งบอกถึงกิจกรรมรื่นเริงที่มีอยู่
"ฮัลโหล..หวัดดีจ้าาาา..." นารินผลักบานประตูสีน้ำเงินเข้าไปภายในพร้อมๆ กับนิรชา พลางตะโกนเสียงดังทักทายเพื่อนฝูงเกือบ 20 คนที่ทั้งนั่งทั้งยืนพูดคุยพร้อมลิ้มรสกาแฟหอมกรุ่นด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มเต็มที่ ก่อนที่นาทีถัดมา เพื่อนฝูงจะตะโกนทักทายตอบ
"มาช้าเชียวแก ไหนว่าบ้านอยู่ใกล้"
"ไหนล่ะเจ้าภาพ" นารินร้องถาม
"โน่น ด้านในโน่น มือเป็นระวิง ฮ่าฮ่าฮ่า ทั้งเค้กทั้งกาแฟออกไม่ทันเพื่อนชิมละ"
นารินเอื้อมมือมาคว้าแขนนิรชาที่เดินอย่างอ้อยสร้อยอยู่เบื้องหลัง แล้วดึงให้เซหลุนๆ ตามเข้าไปด้านใน เอาตามตรงนะ ในบรรดาผู้คนที่ยืนสาดเสียงหัวเราะเข้าหากันอย่างคุ้นเคยทั้งหมดนี่ นิรชาไม่รู้จักใครสักคน อาจจะเป็นเพราะเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของนารินทั้งหมดกระมัง ไม่ใช่เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยอย่างนิรชา
"ฮัลโหลวววว คองเกรตุเลชั่นจ้าเจ้าของร้านสุดหล่อ"
แผงหลังของผู้ชายตัวสูงที่สวมเสื้อขาวที่สาละวนอยู่หลังเคาเตอร์นั่นหันมาแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงนาริน นิรชาพยายามเก็บอาการเบื่อหน่ายเอาไว้ข้างในอย่างเต็มที่ นี่หล่อนมาทำอะไรที่นี่วะเนี่ยยยย....
"ขอบใจจ้า" ทันใดที่เจ้าของร้านหนุ่มหันหน้ามาจากหลังเคาเตอร์นั่น ก็เหมือนมีใครสาดไฟสปอร์ตไลท์ 100 แรงเทียนใส่นิรชา เฮ้ย...เอาดีๆ นี่เจ้าของร้านกาแฟหรือนายแบบที่เพิ่งโขกออกมาจากแมกกาซีน !!
"อื้อหือ เพื่อนชั้น ไม่เจอกันนานยังแซ่บเหมือนเดิมเลยนะยะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า" นารินปล่อยแขนนิรชาก่อนจะกระโดดเข้ากอดชายหนุ่มด้วยความคิดถึง "นี่ชั้นนึกว่า ชาตินี้จะไม่ได้เจอหล่อนละ ที่สุดก็ย้ายก้นกลับมาตั้งรกรากที่บ้านเราซะที"
หล่อน...นิรชาเหลือบมองเพื่อนตาค้าง
หล่อนนนนน...
หล่อนนนนนนนนนนนนน....
โว้ยยย...หมายถึง อีตานี่ไม่เป็น ตุ๊ด เกย์ กระเทย ก็อีแอบใช่มั้ยเนี่ย...มิน่า ออร่ากระจายซะขนาดนี้
"ก็อย่างที่เขาว่ากันไว้ไง ว่าไม่มีที่ไหนเหมือนบ้านหรอก" ชายหนุ่มหันมาสบตานิรชาแว่บนึง ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสาวอย่างสงสัย
"เออ ลืมแนะนำไป นี่เพื่อนเราเอง ชื่อนิรชา เรียกนิชาก็ได้นะ เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยน่ะ พอดีวันนี้อยากพามาแนะนำให้รู้จักด้วยเพราะคิดว่าเพื่อนดีๆ ก็ควรที่จะรู้จักกันไว้ นิชา นี่คิมนะ คณกร เป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยม ย้ายลงใต้ไปตั้งแต่ช่วง ม.ปลาย แล้วก็ไปเรียนต่อลาว ทำธุรกิจที่ลาวซะหลายปี เพิ่งจะย้ายกลับมาที่นี่เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง"
"ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ" ชายหนุ่มที่น่าจะไม่ใช่หนุ่มส่งยิ้มจึ้กนึงมาให้...จึ้กนึง..จริงๆ ก่อนจะหันไปคุยกับนารินต่อ "แล้วก็คงต้องยินดีกับว่าที่เจ้าสาวคนสวยด้วย....ทำไมหาเจ้าบ่าวไกลจังแก พอชั้นย้ายกลับมาก็จะย้ายหนีชั้นไปอยู่นอกแทนซะงั้น"
นิรชายิ้มค้างไปสองวิ ก่อนจะรู้ตัวว่าไอ้ที่ยิ้มตะกี้น่ะ ยิ้มให้กับลมกับแล้งแท้ๆ
"ช่วยไม่ได้แก บุพเพมันอาละวาดอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า ย้ายไปดูลาดเลาก่อนละกัน อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็กลับบ้านเรา พ่อกับแม่สบายดีเหรอ แล้วนี่ไม่ย้ายขึ้นมาอยู่นี่ด้วยกันเหรอ"
"สบายดีทั้งคู่ล่ะ ชวนแล้วว่าให้มาอยู่ด้วยกันที่นี่มั้ย แต่ไม่ยอมมา คนแก่ติดที่น่ะ"
"แล้วธุรกิจที่ลาวของแกล่ะ ยังโอเค.อยู่มั้ย ย้ายมานี่ใครดูให้ล่ะ"
"ก็มีลูกน้องคอยรันงานอยู่ แต่ชั้นก็คงต้องกลับไปดูเดือนละครั้งสองครั้งถ้าไม่มีอะไรเร่งด่วน"
"เออดีแก ใช้เงินทำงานก็ดีจะได้ไม่ต้องติดหนึบอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน แล้วนี่นึกยังไงถึงเปิดร้านกาแฟห๊ะ ไม่ยักรู้มาก่อนว่ามีฝีมือทางทำขนมชงกาแฟอะไรนี่ด้วย"
"ข้างบนเป็นสตูดิโอถ่ายภาพน่ะ ข้างล่างนี่จะปล่อยไว้เปล่าๆ ก็ใช่ที่ก็เลยเปิดไว้นั่งดิวงานมั่ง รับแขกมั่ง เดี๋ยวลองชิมเค้กกับกาแฟดูนะ ว่ารสชาดใช้ได้มะ สั่งที่เด็กหน้าเคาเตอร์ได้เลย"
"จัดมา ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นแกตามสบายก่อนเหอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน ชั้นขอไปสั่งกาแฟมาชิมก่อน"
ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ ให้ ก่อนจะหันกลับไปสะละวนกับบรรดาเครื่องปรุงต่างๆ หลังเคาเตอร์ต่อ
"บอกแล้วว่าห้องเดียวน่ะแคบเกินไป ให้เช่าสักสองห้องก็ไม่ฟัง ดูสิ เพื่อนมาอัดกันแค่ 20 คนก็แน่นละ ป่ะ...ไปสั่งกาแฟแล้วหาที่นั่งกันเหอะนิชา ตรงโน้นมีเก้าอี้"
...............
อ่านต่อตอนที่ 3